1. มนุษย์สัมพันธ์: ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เพื่อนๆที่ทำงานไม่ชอบ ไม่อยากคุยด้วย หรือ เข้ากับเพื่อนในที่ทำงานไม่ได้เลย คงต้องถึงเวลาพิจารณา และ ปรับปรุง ทักษะด้านสัมพันธ์กันเร่งด่วนแล้วละคะ อย่ามัวแต่หลอกตัวเองว่า เราดีแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเราดีจริงแล้วเราจะไม่มีเพื่อนเอาเลยหรือคะ มนุษย์สัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ถ้ามนุษย์สัมพันธ์คุณแย่มากๆ ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และ แน่นอนคุณเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องติดต่อกับคนอื่น
และถ้าคนในองค์กรคุณยังไม่สามารถทำได้ดี ก็คงลำบากถ้าจะให้หัวหน้าคุณเห็นว่า คุณจะสามารถทำได้ดีกับคนภายนอกองค์กร เพราะฉะนั้น เรามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ ในองค์กรกันก่อนดีกว่านะคะ
2. ทีม: คุณทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า เคยสังเกตตัวเองไหมคะว่า คุณทำงานเป็นทีมได้ดีแค่ไหน หรือว่า ต้องทำงานคนเดียวถึงจะดี?
ในอนาคต การทำงานจะเน้นบุคคลที่ทำงานเป็นทีมได้ดีมากกว่าคนที่ชอบทำงานคนเดียว คุณทราบหรือไม่ว่า ในขณะนี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกา มีคอร์สฝึกสอนการทำงานเป็นทีมเพื่อรองรับความต้องการตลาดแรงงานในอนาคต ทำไมต้องเน้นเป็นทีมนะหรือคะ? ก็ต่อไปโลกเราก็จะแคบลงเพราะการพัฒนาในด้านต่างๆมีมากขึ้น การทำงานก็ต้องเป็นทีมมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้มีทักษะในการทำงานเป็นทีม และ เป็นผู้ร่วมทีมที่ดีจะเป็นข้อจำเป็นในการทำงานทุกที่
3. Committed: หรือ ข้อตกลงในการทำงานระหว่างคุณกันคนอื่นๆไงคะ นึกไว้เสมอเลยนะคะว่า อะไรที่คุณรับปากกับใครก็แล้วแต่ คุณต้องรับผิดชอบ และ ทำให้ได้ตามที่รับปาก ถ้าไม่ได้ หรือว่าล่าช้ากว่าที่เรารับปาก คุณต้องแจ้งล่วงหน้าให้แก่บุคคลที่คุณรับปากอย่างน้อยสองหรือสามวัน อันนี้เป็นมารยาททางการทำงานที่ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะรับปากใครในเรื่องของการทำงาน คิดให้รอบคอบก่อนนะคะ
4. ฉันเป็นฉันเอง: ประเภทสาวมั่น หนุ่มมั่น ที่เราอาจจะเห็นจากทีวี หรือ ภาพยนตร์ ถ้าจะนำมาใช้คุณต้องดูเวลา และ สถานที่ให้ดีก่อนนะคะ ไม่งั้นแทนที่จะช่วยเสริมให้คุณดูดี มีภาพพจน์ กลับจะทำลายอนาคต ทางการทำงานของคุณไปเลย หลักการที่ดี ก็คือ ดูบุคคลที่เราติดต่อด้วย และ จะมั่นใจอะไร ก็ควรกระทำอย่างพอดี และเราจะเป็นที่ชื่นชมว่าเป็นคนมีมารยาท และประสบความสำเร็จในการติดต่อทางธุรกิจ
ในความเป็นจริงการติดต่อธุรกิจ คุณไม่สมควรใช้เหตุผลของสาวมั่นหรือหนุ่มมั่นมาใช้มากกว่าการเป็นคนเรียบร้อยมีมารยาท เพราะฉะนั้นข้อนี้ต้องระวังให้ดีนะคะ ใช้ให้ถูกที่ และ ถูกเวลา
5. ขออยู่เงียบๆคนเดียว: ข้อนี้สำคัญมาก อย่าพยายามทำตัวไม่แคร์ใคร ไม่รู้จักใคร เพราะสุดท้ายคุณจะเวียนไปหัวข้อแรก และ แน่นอน คุณจะเป็นคนแรกที่ทุกคนลืม อย่าเป็นคนที่เครียดง่าย สนุกยาก ใครๆเข้าหายาก คงจะดีกว่า ถ้าคุณจะทำตัวเป็นคนที่ยิ้มง่าย และ เป็นมิตรกับทุกคน เวลาเศร้า เก็บไว้กับคนสนิท และรู้ใจดีกว่านะคะ
6. ธุระส่วนตัว: ธุระทุกประเภทที่เป็นส่วนตัวของคุณ คุณอย่าใช้เวลาทำงานมาทำเป็นอันขาดเชียวนะคะ จำไว้เลยนะคะ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้เฉพาะลูกค้าที่จะโทรติดต่อเรื่องงาน อย่าให้เบอร์ที่ทำงานกับเพื่อนหรือแฟน แล้วก็คุยกันนอกเรื่องกันเป็นวันๆ รับรองได้ว่า อนาคตทางการงานของคุณคงจะไม่รุ่งแน่นอน เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการทำงานบางท่านถึงกับตั้งกฎไว้กับตัวเองเลยก็มีว่า ในชั่วโมงการทำงาน เขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ใช่งาน เช่น ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่คุยโทรศัพท์ส่วนตัว ไม่ไปธนาคาร สำหรับธุระส่วนตัวก็จะใช้เวลาที่ไม่ใช่เวลางานเท่านั้น
7. ความรัก: ไม่ได้เด็ดขาดสำหรับความคิดที่จะมีความรักในที่ทำงานเดียวกัน จริงๆคุณก็ทำได้ แต่รับรองได้ว่า มันจะทำลายอนาคตการทำงานของคุณ เพราะทุกคนจะมองเหมือนจับผิดว่าคุณใช้เวลาในการทำงาน มาสร้างตำนานรักมากกว่า อย่าเสี่ยงจะดีกว่านะคะ
8. เป้าหมาย: เป้าหมาย และ เป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้านายของคุณ ถ้าคุณทำงานแบบมีเป้าหมายว่า งานแต่ละอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณมีแผนการเสร็จเมื่อไหร่ คุณมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามที่หัวหน้า หรือ บริษัทตั้งเป้า ถึงคุณจะทำไม่ได้จริง [แต่คุณต้องพยายามเต็มที่แล้วนะ] รับรองได้ว่า หัวหน้าคุณคงมองคุณแบบไม่ธรรมดา และจะเป็นโอกาสที่ดีของคุณในการทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่ระวังอย่าใช้เป้าหมายมาพูดและทำไม่เคยได้เลย เพราะจะกลายเป็นการคุยอวดมากกว่า
9. บุคลิก: สุภาษิตที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ยังคงใช้ได้ดีเสมอ บุคลิก และ การแต่งกาย เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จะช่วยกำหนดความสำเร็จทางการทำงานของคุณ อย่าพยายามแต่งกายมากเกินไป หรือ น้อยเกินไป และที่สำคัญ อย่าแต่งกาย แบบที่ไม่ใช่คุณ คุณอาจจะเห็นดารา นางแบบ ใส่เสื้อตัวหนึ่งสวย แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะสวยเหมือนนางแบบถ้าคุณเอามาใส่ การแต่งกายที่ดี สำหรับการทำงาน ก็คือ สุภาพ และ โชว์บุคลิกเฉพาะของคุณออกมา
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่า แต่งกายแบบไหนเหมาะกับคุณ ขอแนะนำให้ถามคนที่คุณสนิท และจริงใจกับคุณ คุณก็จะได้แนวการแต่งกายที่เหมาะกับคุณ หรือถ้ามีตังค์ก็อยากแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ แต่ก็ต้องระวังนะคะ หลายสถาบันสอนบุคลิกภาพ ชอบสอนให้แต่งตัวแบบเหมือนๆกันหมด จนบังความมีเสน่ห์ของคุณไปเลยก็ได้ ดีไม่ดีกลายเป็นหุ่นยนต์รุ่นต่างๆที่เราเห็นก็ทราบทันทีว่าไปเข้าสถาบันสอนบุคลิกภาพที่ไหนมา ทางที่ดีต้องปรึกษาหลายคนๆก่อนตัดสินใจนะคะ
10. หัวหน้า: หัวหน้าก็คือหัวหน้า อันนี้คุณต้องระวังอย่างมาก อย่าทำตัวสนิทกับหัวหน้า จนคุณเผลอ ทำตัวไม่เคารพ หรือ เผลอเล่นจนเกินงาม สำหรับหัวหน้า สิ่งที่ดีและ เป็นประโยชน์กับคุณมากที่สุด ก็คือ การให้เกียรติ และ แน่นอน ทุกครั้งที่คุณอยู่กับหัวหน้า หน้าที่หลักของคุณคือ การทำให้หัวหน้าของคุณ ดูดี อยู่เสมอในสายตาผู้อื่น จะด้วยคำพูด การกระทำ คุณก็ไม่มีสิทธ์ทำให้หัวหน้าของคุณกลายเป็นตัวตลก เสียหน้า หรือ ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น โดยเด็ดขาด
11. นินทา: อย่าได้เผลอตัวไปอยู่ในกลุ่มของการนินทาใดๆในที่ทำงานโดยเด็ดขาด เพราะสุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หรือดีไม่ดี กลายเป็นผู้เริ่มการนินทา โดยคุณไม่ได้ทำ ถ้าคุณต้องเจอภาวะการณ์คุยแบบไม่ได้ประโยชน์ หรือ การนินทาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางออกที่ดีของคุณก็คือ อย่าพูดเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย โดยเด็ดขาด คุณทำได้แค่ นั่งฟัง โดยไม่ออกความคิด ให้บอกว่าไม่แน่ใจ หรือ ไม่รู้ หรือขอตัวออกจากวงสนทนา อ้างว่าไปห้องน้ำหรือมีธุระต้องทำ ที่นี้คุณก็ไม่เสียเพื่อน และ ก็ไม่เสียงานอีกต่างหาก
12. สร้างสรรค์: หัวใจของความสำเร็จทางการทำงาน คือ ความคิดสร้างสรรค์ อย่าพยายามเป็นคน ใครว่าอะไร ฉันก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องเถียง หรือ โต้แย้ง ถ้าคุณยังไม่มีข้อมูล หรือ ยังไม่กล้าพูด แต่ คุณต้องพยายามฝึกสมองของคุณให้คิดในแบบของคุณอยู่เสมอ ทุกการทำงานของคุณ คุณต้องพยายามคิดว่า คุณจะทำอะไรเพิ่มเติมให้งานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ดีขึ้น สะดวกขึ้นกว่าเดิมได้ไหม หลักของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ง่ายๆ ก็คือ กล้าคิด คิดให้บ่อย คิดให้มาก และคุณก็จะเป็นคนคิดสร้างสรรค์
ทั้งหมด 12 ข้อ เป็นสิ่งที่เราจะต้องระลึกอยู่เสมอในการทำงาน เพื่อส่งเสริมการทำงานของเราให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ที่นี้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่า นอกจากเราจะเก่งงานที่รับผิดชอบ เรายังเก่งในการเป็นเพื่อน และ ผู้ทำงานที่ดีขององค์กรด้วย
เป็นบทความที่ดีมากอีกบทความหนึ่ง ก็ขอฝากไว้ให้กับคนทำงานทุกคน แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทำงาน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นะคะ
สร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้างความคิดที่ดี ชีวิตการทำงานก็จะเป็นสุข
Change Player Size Watch this video in a new windowRetrospect เพราะว่ารัก, ปล่อยฉัน Live
โรงงานที่ผมทำคับ ขอโปรโมตหน่อย
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552
ประวัติ Retrospect

ประวัติ Retrospectเริ่มจากเกมส์ Counter strike แน็ป (ร้องนำ) ได้พบกับ บอม (มือเบส) ในร้านเกมส์ จนเริ่มสนิทคุยกันถูกคอและชอบตกปลาเหมือนกัน จึงชวนกันไปตกปลา แล้วก็วันที่ไปตกปลา แน็ปก็เอาวิทยุไปด้วย แล้วก็เอาเทปเป็นเพลงร็อคไป บอมซึ่งชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้วก็เลยพูดออกไป "ชอบฟังเพลงแบบนี้เหมือนกันเหรอ มีวงไหม เราเองก็คิดจะทำวงอยู่ แน็ปเค้าบอกว่าไม่มี ก็มาลองรวมๆกัน" เริ่มแรกจะมีอยู่ 4 คน พี่บิ๊ก,แน็ป,บอม,น๊อต โดยใช้ชื่อครั้งแรกว่า Retrospect ซึ่งเกิดจากการจิ้มลงไปใน Dictionary โดนที่ตัว R ลองหาคำที่มันดูแตกต่างไปเจอคำว่า"Retrospect" ซึ่ง แปลว่า การหวนรำลึก,คิดถึงอดีต ซึ่งในขณะนั้นกระแส Pop มาแรงมากครองตลาดในตอนนั้นทำให้วงรู้สึกว่าอยากจะมองสวนกระแสกล ับไป ดนตรี Rock ที่มันหายไปนานในช่วงเวลานั้น เลยใช้คำว่า Retrospect เป็นชื่อวงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
วง Retrospect เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณกลางปี 2001 โดยมีพี่บิ๊ก(มือกีตาร์คนเก่า)ซึ่งเป็นพี่ชายของมือเบส(บอม)เป็ นแกนหลักด้วยการ ทำเพลง โดยเสนอเป็นแนว Industrial Metal และมีแน็ปเป็นผู้เขียนกลองโปรแกรมและบันทึกเสียง หลังจากนั้นก็ได้สมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนคือบอม(มือเบส) ซึ่งมีเพื่อนที่เล่นดนตรีมาด้วยกันมาอยู่แล้วคือน๊อต(มือกีตาร) ์จึงชักชวนน๊อตมาร่วมวงด้วย วงชุดแรกก็จึงมี แน็ป(ตีกลอง-ร้องนำ) บิ๊ก(กีตาร์) บอม(เบส) และน๊อต(กีตาร์) ดนตรีของ Retrospect ช่วงแรกจะออกเป็นดนตรีที่หยาบกระด้าง ดิบและรุนแรงออกไปประมาณ Death* ผสมกับThrash Metal* black Metal* พวกเขาเริ่มเล่นตามงานเล็ก ๆ ต่าง ๆ ได้สักพัก จึงคิดว่าแน็ปน่าจะมาร้องอย่างเดียว แล้วหามือกลองเพิ่มสักคน มีผู้มาออดิชั่นมากมายหลายคน แต่ก็ไม่มีใครที่มีมุมมองเหมือนกับพวกเขาเลย และแล้ววันหนึ่งแน็ปก็ได้มาเจอกับเพื่อนสมัยประถม ชื่อเบิร์ดซึ่งเพื่อนแนะนำต่อมาอีกที ทราบมาว่าเบิร์ดตีกลองอยู่ และเคยประกวดที่ต่างๆมาจึงชวนให้มาลองออดิชั่นดู ซึ่งเทปกลองนั้นอัดเพื่อจะไปส่งการประกวด Hot Wave Music Awards ปรากฎว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี วง Retrospect จึงถือกำเนิดขึ้น
ต่อมามือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวง(พี่บิ๊ก)จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปศ ึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงทำให้ Retropect เหลือสมาชิกเพียง 4 คน กลางปี 2003 Retrospect ได้ออก e.p ชุดแรก โดยการชักชวน และแนะนำจาก นายสยาม ชุมทอง (พี่ต้น Dezember) โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า E.P For Your Ears Onlyโดยทางวงแต่งเนื้อร้องและทำนองและเรียบเรียงตลอดจนการบันทึ กเสียงการออกแบบปก แผ่นซีดี หรือแม้แต่การสกรีนแผ่นเองเป็นจำนวน 150 แผ่น เริ่มวางขายครั้งแรกที่งาน Territory Metal Fest ซึ่งได้นำพาวงมาพบกับวง Bikini เขาคุยกันถึงแนวอุดมการณ์และมุมมองที่เหมือน ๆ กัน จึงคิดที่จะตั้งกลุ่มเพื่อที่จะรวมแนวเพลงคล้ายๆพวกเขาขึ้นมานี ่คือที่มาของ Screamlab มาจากวงดนตรีทั้งหมด 4 วงด้วยกัน ประกอบไปด้วย (Bikini,Retrospect,Housetrap,Sweet Mullet) ปลายปี 2003 Retrospect ถูกชักชวนให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งที่ 2 ทางวงจึงคิดที่จะปั๊มแผ่นไปขายเพิ่มจากที่หมดไปแล้วและได้เพิ่ม เพลงพิเศษเข้าไปอีกหนึ่งเพลง ใช้ชื่อว่า E.P For Your Ears Anytime เป็นจำนวนอีก 150 แผ่น ระหว่างที่ทางวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตในที่ต่าง ๆ และขายแผ่น e.p ไปเรื่อย ๆ ก็ได้มีค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปร่วมเซ็นสัญญาอยู่บ้าง โดยมีข้อแม้ว่าเราอาจจะต้องลดความดุดัน และความรุนแรงลงซึ่งพวกเขาคิดว่าหากเป็นเช่นนั้น Retrospect คงไม่ใช่ Retrospect พวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงและทัวร์คอนเสิร์ตต่อไป จนวันหนึ่งพวกเขาได้พบกับพี่โน่(โปรดิวเซอร์) โดยการแนะนำของพี่เต๋า(นักร้อง Sweet Mullet)โดยพี่โน่เสนอว่าทางค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด กำลังต้องการดนตรีที่หนักหน่วงอย่างเช่นดนตรี ของพวกเขาอยู่พอดี Retrospect จึงเริ่มทำ Demo เพื่อไปส่งให้พี่โน่ได้นำไปเสนอต่อทางค่าย Retrospect ได้เซ็นสัญญากับ จีนี่ เร็คคอร์ด ในเครือแกรมมี่ เมื่อต้นปี 2004 และได้ออกเพลง ไม่มีเธอ ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม Showroom เป็นโปรเจคนำเสนอดนตรีแนวใหม่และศิลปินหน้าใหม่ของค่าย จีนี่ เร็คคอร์ด ต่อมาทางค่ายไฟเขียวให้ทำอัลบั้มเต็มออกมาสู่โสดประสาทแฟนๆ"Retrospect นำเสนอบทเพลงในคอนเซ็ปต์ที่ว่า" ดนตรีที่หนักหน่วงแบบ Metal บวกกับ Melody ที่อ่อนหวานแบบ Emo Rock มีเนื้อหาที่บาดลึก มีผลต่อความรู้สึกค่อนข้างสูง" จากเพลงที่เคยดิบ เถื่อน ผ่านการขัดเกลาด้วยกาลเวลาทำให้มุมมองและความคิดของวงกว้างขึ้น จนมาเป็นแนวเพลงแบบ Retrospect ในทุกวัน
แต่ละคนเคยผ่านเวทีประกวดทางดนตรีมาทั้งสิ้น...บอม และเพื่อนๆจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ เคยผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ถึง 2 ครั้ง กับ Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในขณะนั้นศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครั้งต่อมาก็ ม.3 ซึ่งเป็นวงอายุน้อยที่สุดในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันที่ผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้ายน๊อต พร้อมเพื่อนจากจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ ก็เข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 5 แน็ป พร้อมเพื่อนโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 6เบิร์ท พร้อมเพื่อนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 7 ตามหลังแน็ปมา 1 ปี พอดิบพอดี
ต่อมามือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวง(พี่บิ๊ก)จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปศ ึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงทำให้ Retropect เหลือสมาชิกเพียง 4 คน กลางปี 2003 Retrospect ได้ออก e.p ชุดแรก โดยการชักชวน และแนะนำจาก นายสยาม ชุมทอง (พี่ต้น Dezember) โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า E.P For Your Ears Onlyโดยทางวงแต่งเนื้อร้องและทำนองและเรียบเรียงตลอดจนการบันทึ กเสียงการออกแบบปก แผ่นซีดี หรือแม้แต่การสกรีนแผ่นเองเป็นจำนวน 150 แผ่น เริ่มวางขายครั้งแรกที่งาน Territory Metal Fest ซึ่งได้นำพาวงมาพบกับวง Bikini เขาคุยกันถึงแนวอุดมการณ์และมุมมองที่เหมือน ๆ กัน จึงคิดที่จะตั้งกลุ่มเพื่อที่จะรวมแนวเพลงคล้ายๆพวกเขาขึ้นมานี ่คือที่มาของ Screamlab มาจากวงดนตรีทั้งหมด 4 วงด้วยกัน ประกอบไปด้วย (Bikini,Retrospect,Housetrap,Sweet Mullet) ปลายปี 2003 Retrospect ถูกชักชวนให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งที่ 2 ทางวงจึงคิดที่จะปั๊มแผ่นไปขายเพิ่มจากที่หมดไปแล้วและได้เพิ่ม เพลงพิเศษเข้าไปอีกหนึ่งเพลง ใช้ชื่อว่า E.P For Your Ears Anytime เป็นจำนวนอีก 150 แผ่น ระหว่างที่ทางวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตในที่ต่าง ๆ และขายแผ่น e.p ไปเรื่อย ๆ ก็ได้มีค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปร่วมเซ็นสัญญาอยู่บ้าง โดยมีข้อแม้ว่าเราอาจจะต้องลดความดุดัน และความรุนแรงลงซึ่งพวกเขาคิดว่าหากเป็นเช่นนั้น Retrospect คงไม่ใช่ Retrospect พวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงและทัวร์คอนเสิร์ตต่อไป จนวันหนึ่งพวกเขาได้พบกับพี่โน่(โปรดิวเซอร์) โดยการแนะนำของพี่เต๋า(นักร้อง Sweet Mullet)โดยพี่โน่เสนอว่าทางค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด กำลังต้องการดนตรีที่หนักหน่วงอย่างเช่นดนตรี ของพวกเขาอยู่พอดี Retrospect จึงเริ่มทำ Demo เพื่อไปส่งให้พี่โน่ได้นำไปเสนอต่อทางค่าย Retrospect ได้เซ็นสัญญากับ จีนี่ เร็คคอร์ด ในเครือแกรมมี่ เมื่อต้นปี 2004 และได้ออกเพลง ไม่มีเธอ ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม Showroom เป็นโปรเจคนำเสนอดนตรีแนวใหม่และศิลปินหน้าใหม่ของค่าย จีนี่ เร็คคอร์ด ต่อมาทางค่ายไฟเขียวให้ทำอัลบั้มเต็มออกมาสู่โสดประสาทแฟนๆ"Retrospect นำเสนอบทเพลงในคอนเซ็ปต์ที่ว่า" ดนตรีที่หนักหน่วงแบบ Metal บวกกับ Melody ที่อ่อนหวานแบบ Emo Rock มีเนื้อหาที่บาดลึก มีผลต่อความรู้สึกค่อนข้างสูง" จากเพลงที่เคยดิบ เถื่อน ผ่านการขัดเกลาด้วยกาลเวลาทำให้มุมมองและความคิดของวงกว้างขึ้น จนมาเป็นแนวเพลงแบบ Retrospect ในทุกวัน
แต่ละคนเคยผ่านเวทีประกวดทางดนตรีมาทั้งสิ้น...บอม และเพื่อนๆจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ เคยผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ถึง 2 ครั้ง กับ Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในขณะนั้นศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครั้งต่อมาก็ ม.3 ซึ่งเป็นวงอายุน้อยที่สุดในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันที่ผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้ายน๊อต พร้อมเพื่อนจากจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ ก็เข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 5 แน็ป พร้อมเพื่อนโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 6เบิร์ท พร้อมเพื่อนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 7 ตามหลังแน็ปมา 1 ปี พอดิบพอดี
ประวัติสมาชิกในวง

ตำแหน่ง : ร้องนำ
วัน/เดือน/ปีเกิด : 2 กันยายน 2527
ของที่ชอบรับประทาน : อ่อมเนื้อ
ศิลปินที่ชอบ : sillyfool , static-x , staind
กิจกรรมที่ชอบทำ : ขับรถเข้าป่า , ตกปลา
จบการศึกษามาจาก : โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง
จบการศึกษามาจาก : โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง

ชื่อ - นามสกุล : ศุทธิพันธ์ สังข์ยุทธ (เบิร์ธ)
ตำแหน่ง : Drum
วัน/เดือน/ปีเกิด : 23 กรกฏาคม 2527
ของที่ชอบรับประทาน : ราเมง
ศิลปินที่ชอบ : Breaking Benjamin , Dream Theater , Sao Sin
กิจกรรมที่ชอบทำ : เล่นดนตรี , ฟังเพลง , เล่นเกมส์
จบการศึกษามาจาก : โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย

ชื่อ - นามสกุล : ธนพล ศรีกาญจนา (น๊อต)
ตำแหน่ง : Guitar
วัน/เดือน/ปีเกิด : 13 พฤษภาคม 2527
ของที่ชอบรับประทาน : ขนม , ไอศกรีม
ศิลปินที่ชอบ : Martin Taylor , Killswitch engage
กิจกรรมที่ชอบทำ : เล่นเกมส์ , เที่ยวทะเล, ดูหนัง, นอนหลับ
จบการศึกษามาจาก : โรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ

ชื่อ - นามสกุล : ณพวัชร คชาชีวะ (บอม)
ตำแหน่ง : Bass
วัน/เดือน/ปีเกิด : 19 เมษายน 2527
ของที่ชอบรับประทาน : Damien rice
ศิลปินที่ชอบ : sillyfool , static-x , staind
กิจกรรมที่ชอบทำ : ถ่ายภาพ , วาดรูป , ขี่มอเตอร์ไซด์ , ดูหนัง , เล่นดนตรี
จบการศึกษามาจาก : โรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : พรเทพ ภิญญศรี
ชื่อเล่น : หนุ่ย
วันเกิด : 13 มีนาคม 2531
อายุ : 21
รหัสประจำตัวนักศึกษา : 4921408023
เบอร์โทร : 085-172-0833
E-mail : sabypai@hotmail.com
รหัสประจำตัวนักศึกษา : 4921408023
เบอร์โทร : 085-172-0833
E-mail : sabypai@hotmail.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)